วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เนื้อเพลง แค่บอกว่ารักเธอ - หมีพูห์

เนื้อเพลง แค่บอกว่ารักเธอ - หมีพูห์

                เนื้อเพลง แค่บอกว่ารักเธอ

ทนกับตัวเองมานานเหลือเกิน ใครๆเขาก็ยังเมิน ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีคู่ครอง
เธอมีใครหลายคนหมายปอง ฉันเองก็ยังคอยมอง แต่ไม่กล้าเหมือนเดิมจะทำฉันใด
 
ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ
อยากให้เขารู้ ฉันคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเค้าบอก หรือว่าให้เค้าเดาเองว่ารักเธอ (เธอต้องรักเขา)


                                          ทนอึดอัดใจมานานหลายปี ไม่กล้าใกล้เธอซักที เจอกี่ครั้งก็ยังเป็นอยู่เช่นเคย
คุยกับตัวเองทำไมต้องกลัว เจอทีไรใจมันเต้นรัว ทั้งที่บอกกับตัวเองเรื่อยมา
                                       
ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ
อยากให้เขารู้ ฉันคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเค้าบอก หรือว่าให้เค้าเดาเองว่ารักเธอ (เธอต้องรักเขา)

ใครจะไปคิดเอาเอง ว่าเองว่าเธอนั้นมีใจ มันง่ายเกินไป เหมือนว่าหลงตัวเอง
เอ่ยไปเลยว่ารักไม่ต้องเกรงใจใคร จะยากอะไร ก็แค่บอกว่าฉันรักเธอ

ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ
อยากให้เขารู้ ฉันคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเค้าบอก หรือว่าให้เค้าเดาเองว่ารักเธอ (เธอต้องรักเขา)
เค้าอาจจะบอกรักเธอ 
       แหล่งที่มา:http://www.siamzone.com/music/thailyric

winnie the pooh : มิตรภาพและความผูกพัน

                                      winnie the pooh : มิตรภาพและความผูกพัน




winnie the pooh เรื่องราวของมิตรภาพ ที่จินตนาการเหล่าตุ๊กตาผ้าที่ยัดด้วยนุ่น
มาร้อยเรียงเป็นนิทานเล่าให้ลูกชาย(คริสโตเฟอร์ โรบิน)ของนักเขียนชาวอังกฤษ
winnie the pooh อาศัยอยู่กับเพื่อนๆ ในป่า 100 เอเคอร์ เมืองซัสเซ็กซ์
ที่ๆ มีมิตรภาพระหว่างเพื่อนเกิดขึ้นมากมาย
ฉันเคยอ่านเรื่องราวของ winnie the pooh มานานมากจนลืมเลื่อนมิตรภาพเหล่านั้น
จนไม่นานมานี้ ฉันบังเอิญได้ดูการ์ตูนเด็กๆ ที่ทำขึ้นใหม่
ด้วยวัยที่เติบโต..มันทำให้ฉันลิ้มรสเรื่องราวในเชิงเปรียบเทียบได้มากขึ้น
::
ฉันมองเห็นเพื่อนหลายคนกำลังเล่นบทต่างๆ ในเนื้อเรื่อง
ฉันเห็นตัวฉันเอง
ฉันเห็นใครต่อใครมากมาย

::
การได้ดูซ้ำครั้งนี้ ทำให้ฉันเข้าใจคำว่า "เพื่อน"
เข้าใจรายละเอียดของคำว่า "มิตรภาพ"
และ...ยอมรับการเกิดขึ้นของ "ความผูกพัน"
ที่อาจเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ จากมิตรภาพ
จากการได้รู้จักใครสักคน
และพยายามทำความเข้าใจ
ยอมรับในตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่ง
::


ตอนหนึ่งคริสโตเฟอร์ โรบินถามหมีพูห์ว่าสิ่งที่เขาชอบที่สุดในโลกคืออะไร..
หมีพูห์ทำท่ากอดอก เอามือข้างหนึ่งเคาะที่สมองน้อยๆ พลางคิดว่า..
‘อืมม.. การได้อยู่กับคริสโตเฟอร์ โรบิน เป็นสิ่งดีเหลือเกิน
แต่การมีพิกเล็ตอยู่ข้างๆ ก็เป็นเรื่องที่แสนอบอุ่น’

แล้วหลังจากนั้นเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็ตอบว่า…

“สิ่งที่ฉันชอบที่สุดในโลก ก็คือฉันและพิกเล็ตได้ไปเยี่ยมนายไง”
:::::
หรือตอนที่คริสโตเฟอร์ โรบินถามหมีพูห์ว่า
“พูห์.. สัญญาซีว่านายจะไม่ลืมฉัน..ตลอดไป แม้ว่าเมื่อฉันอายุร้อยปี”
พูห์คิดนิดหนึ่ง “ฉันจะอายุเท่าไร ตอนนั้น”
“เก้าสิบเก้า”
พูห์พยักหน้า “ฉันสัญญา”

ตอนที่พิกเล็ตตัวน้อยเดินตามหลังหมีพูห์ท่ามกลางหิมะ
แล้วกระซิบเรียก "พูห์" แต่พอหมีพูท์ร้องตอบว่า "มีอะไรหรือพิกเล็ต"
พิกเล็คกลับบอกหมีพูห์ว่า "เปล่า...ไม่มีอะไร แค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่านั้นเอง"
" Piglet sidled up to Pooh from behind.
'Pooh!' he whispered.
'Yes, Piglet?'
'Nothing,' said Piglet, taking Pooh's paw.
'I just wanted to be sure of you.' "

ตอนที่พิกเล็ตเอาของขวัญไปให้อียอร์
แต่ระหว่างทางพิกเลตหกล้มทำให้ลูกโป่งหล่นแตกกลางทาง
พิกเล็ตกลัวอียอร์เสียใจที่ไม่ได้ของขวัญวันเกิด
แต่พออียอร์รู้ กลับถามพิกเล็ตว่าเจ็บหรือเปล่าที่หกล้ม
แล้วค่อยถามเพราะความเสียดายลูกโป่งว่าลูกโป่งของตนสีอะไร
::::
ตอนที่ทุกคนพากันช่วยรูที่ตกลงไปในน้ำที่ขั้วโลกเหนือ
หมีพูร์เอาเสาท่อนหนึ่งมาเกี่ยวรูไว้
แต่ไม่มีใครรู้ว่าอียอร์ใช้หางตัวเองหย่อนให้รูจับไว้ จนหางที่แช่น้ำชาหมด
::::
หรือตอนที่หางอียอร์หลุดออกจากตัว
หางอียอร์จะมีสีฟ้าผูกโบว์สีชมพู และจะหลุดอยู่ตลอดเวลา
เพื่อนทุกคนช่วยกันหาทางติหางให้อียอร์ใหม่ ด้วยสมองที่ทำด้วยนุ่น
ทำให้ฉันหัวเราะขบขันกับหางใหม่ของอียอร์...
แต่จริงๆแล้ว ลึกๆ ฉันอิจฉาอียอร์เหลือเกิน...
ที่มีเพื่อนที่จริงใจ ช่วยเหลือเขาด้วยความสามารถเพียงน้อยนิด...

::::

จนตอนนี้...ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า
มิตรภาพ ความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อน
มันจะสร้างเจ็บปวดเพียงใด
ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นนิทาน..
และตุ๊กตาผ้า...เหมือน winnie the pooh

::::
แล้วคุณหล่ะคุณคิดว่าคุณเป็นใครใน winnie the pooh

winnie the pooh หมีสีเหลืองใจดี ที่นุ่มนวลและอ่อนโยน
tigger เสือจอมป่วน ที่ใช้หางสปริงของตัวเองกระโดดไปมาอย่างสนุกสนานอย่างสุดขีด
Piglet หมูน้อยผู้อ่อนโยนและถ่อมตัว ขาดความมั่นใจ แถมพูดติดอ่าง แต่ใจกว้างเป็นแม่น้ำ
Eeyore ลาสีเทาหางสีฟ้าผูกโบว์สีชมพูเซื่องๆ ที่ชอบขวางโลก แต่ไม่เคยคาดหวังอะไร
จากใครและตัวเอง
Rabbit กระต่ายที่ตื่นตูมที่ทะนงในความคิดของตัวเองที่มักผิดพลาดแต่ก็ยอมรับกับความจริงนี้เสมอ
Roo ลูกจิงโจ้ ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา สนุกไปวัน ๆ การค้นพบอะไรซักอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
Lumpy ช้างน้อย ไร้เดียงสา เป็นสัตว์ร้ายตัวโตที่พูห์และเพื่อนกลัว เพราะคำพูดของTigger
ทั้งที่ยังไม่มีใครได้เห็นตัวจริงเห็นแต่ร่องรอยที่ Roo กับ Lumpy ทำเสียหายไว้หลังจากการเล่นสนุก
        แหล่งที่มา:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=spukie-planet&month=07-2009&date=31&group=12&gblog=30

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นิทานเด็กๆ แต่ให้ข้อคิดเด็ดมาก ลองอ่านดูค่ะ

Piglet sidled up to Pooh from behin
” Pooh! ” he whispered.
” Yes, Piglet?”
” Nothing ” said Piglet, talking Pooh’s paw.
” I just wanted to be sure of you “
 วันหนึ่งขณะที่พิกเล็ตเดินตามหมีพูห์ไปต้อยๆ รอยเท้าคู่เล็กๆ ย่ำไปบนหิมะ เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง …ทั้งคู่คงเดินทางมาด้วยกันนานพอสมควร และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย
พิกเล็ตเลยต้อง “ขอเสียง” ด้วยการเรียกพูห์
เมื่อพูห์ขานรับและถามกลับมาว่า “มีอะไรหรือพิกเล็ต”
พิกเล็ตกลับเกาะมือพูห์ไว้ก่อนตอบว่า
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่านั้นเอง..” 
  ถ้อยสนทนานี้ เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง สังเกตไหมว่าพูห์เดินนำหน้า ควรเป็นพูห์หรือเปล่าที่น่า จะเป็นฝ่าย “ขอเสียง” พิกเล็ต ว่ายังเดินตามตัวเองมาหรือไม่ นั่นหมายถึงว่า เป็นความกังวลในใจพิกเล็ตเอง ที่เกรงว่าพูห์จะลืมเพื่อนตัวเล็กๆ อย่างเขา…
  ในชีวิตเราทุกคนคงเคยผ่านพบมิตรภาพที่แสนดี แต่มีกี่คนที่จะรักษามันเอาไว้คงมั่นไม่หวั่นไหว วันคืนแห่งชีวิตกลืนกินและฉุดดึงเรารุดไป หันกลับมามองข้างหลังอีกทีอาจจะเศร้าใจ
หากพบว่าคนที่เราไว้ใจ…ไม่มีใครเดินตามเรามาอีกแล้ว
  ไม่อยากเดินข้างหน้าเพราะเกรงว่าฉันจะลืมเธอ ไม่อยากตามหลังเช่นกัน กลัวตามไม่ทัน กลัวเธอทำฉันหล่นหาย อยากให้เราเดินเคียงกันไป อยากอุ่นใจมั่นใจ ว่าตลอดการเดินทางชีวิตอันยาวไกล…เรายังมีกันและกันไปตลอดทาง…
         แหล่งที่มา:http://www.unigang.com/

วินนี่-เดอะ-พูห์


 
หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ (Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ.เอ.มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928) เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมืองอีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา
นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ แร็บบิท และ อียอร์ ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์

จุดกำเนิด

มิลน์ตั้งชื่อตัวละครวินนี่-เดอะ-พูห์ตามชื่อหมีเท็ดดีซึ่งบุตรชาย คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เป็นเจ้าของ ผู้ซึ่งเป็นแบบของตัวละครคริสโตเฟอร์ โรบิน ของเล่นของคริสโตเฟอร์ยังได้ใช้เป็นชื่อของตัวละครอื่นส่วนใหญ่ ยกเว้นตัวละครนกฮูก กระต่ายและโกเฟอร์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาในรุ่นดิสนีย์ หมีของเล่นของคริสโตเฟอร์ โรบิน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่สาขาหลักของหอสมุดสาธารณะนิวยอร์กในนครนิวยอร์กคริสโตเฟอร์ มิลน์ตั้งชื่อหมีของเล่นของเขาว่า วินนี่ หมีดำแคนาดาซึ่งเขามักเห็นบ่อยที่สวนสัตว์ลอนดอน และ "พูห์" หงส์ที่พวกเขาพบขณะเป็นวันหยุด ลูกหมีตัวนั้นถูกซื้อมาจากนายพรานเป็นราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยโทแคนาดา Harry Colebourn ในไวต์

แหล่งที่มา:  https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=8918688687894059004#editor/target=post;postID=3262574721858348960

ประวัติหมีพูและเพื่อน

    ประวัติหมีพูและเพื่อน

     ต้นกำเนิดหมีพูห์ (Winnie-the-Pooh)


                       
      ประมาณเดือนสิงหาคม ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Harry Colebourn
 
       สัตว์แพทย์ชาวคานาดา ทำงานประจำที่ Fort Garry Horse ใน Winnipeg ได้ถูกส่งตัวไปประจำการที่อังกฤษ ขณะเดินทางไปอังกฤษ ขบวนรถไฟที่เขานั่งไปต้องหยุดจอดที่ White River ใน Ontario เพื่อ  เปลี่ยนขบวนใหม่ ระหว่างนั้นเขาได้เห็นชายคนหนึ่งกับลูกหมีสีดำ ณ บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยที่ลูกหมีตัวนั้นถูกผูกกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ หลังจากที่ Harry Colebourn พูดคุยกับชายคนนั้นทำให้เขารู้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักล่าสัตว์ เขาจึงขอซื้อลูกหมีตัวนั้นในราคา 20 เหรียญสหรัฐ และตั้งชื่อให้มันว่า Winnie เขาได้นำ Winnie ไปอยู่กับเขาที่กองทัพด้วย ซึ่งทุกคนในกองทัพก็ถือว่า Winnie เป็นสัตว์นำโชค
    ต่อมาเดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน กองทัพที่Harry Colebourn ประจำการอยู่ ต้องย้ายกำลังพลไปที ประเทศฝรั่งเศส Harry Colebourn ได้ฝาก Winnie ไว้ที่สวนสัตว์ที่กรุงลอนดอน และเขาคาดการณ์ว่าประมาณ  2สัปดาห์เขาคงจะเสร็จภารกิจ และกลับมารับ Winnie ได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดไว้   สงครามสงบประมาณปี ค.ศ. 1918 Harry Colebourn กลับมาที่สวนสัตว์อีกครั้งเพื่อมารับ Winnie แต่เขา พบว่า Winnie อยู่อย่างมีความสุข ณ สวนสัตว์แห่งนี้ ทั้งคนเลี้ยงและคนที่มาเที่ยวในสวนสัตว์ รักมันมาก เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ Winnie อยู่ที่สวนสัตว์ตามเดิม และมาเยี่ยม Winnie เสมอเมื่อมีโอกาส จนกระทั่ง Winnie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1934 ส่วน Harry Colebourn ได้กลับมาประจำการอยู่ที่ทำงาน  เก่าของเขา Fort Garry Horse ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 โดยทำหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ ประจำกองทัพ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1947

ในช่วงที่ Winnie ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ Winnie มีชื่อเสียงมาก อยู่มาวันหนึ่งประมาณปี 
 ค.ศ. 1925 Christoper Robin เด็กชายวัย 5 ขวบได้มาเที่ยวเล่นในสวนสัตว์แห่งนี้ ทันทีที่Christopher Robin พบกับ Winnie เขาก็เกิดความรักและประทับใจใน Winnie มาก จนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้จากเพื่อนของพ่อของเขาจาก Edward มาเป็นชื่อ Winnie และความรักของ Christoper Robin ใน Winnie นี่เองที่ไปจุดประกายความคิดของ A.A. Milne (Alan Alexander Milne) พ่อของ Christopher Robin ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือและบทกลอน ให้แต่งนิทานเรื่องเกี่ยวกับ Winnie และเพื่อนขึ้นมา โดยชื่อของหมีในนิทานของเขามีชื่อว่า “Winnie-the-Pooh” โดยคำว่า Winnie มาจากตุ๊กตาหมีของลูกชายของเขาและหมี Winnie ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนคำว่า Pooh มาจากชื่อของหงส์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณฟาร์มของเขา (Cotchford Farm อยู่ในบริเวณป่า Ashdown
ที่ Sussex ประเทศ England)
นิทาน ของเขาจะเล่าถึงการผจญภัยของ Christopher Robin กับ Winnie รวมทั้งสัตว์ที่เป็นเพื่อนของเขาในป่า โดยที่ลักษณะนิสัย ของตัวละครสัตว์ตัวอื่นๆ เช่น Eeyore, Piglet, Tigger, Kanga และ Roo มาจากเหล่าตุ๊กตาสัตว์ของ Christoper Robin ลูกชายของเขา ส่วนลักษณะนิสัยของตัวละครสัตว์ Rabbit และ Owl มาจากสัตว์ที่อาศัยในบริเวณฟาร์ม และภาพประกอบของนิทานทั้งหมด เขียนโดย E. H. Shepard.
ปัจจุบันตุ๊กตาของ Christopher Robin ถูกเก็บรักษาไว้ที่ Donnell Library Center ซึ่ง เป็นห้องสมุดสาขาหนึ่งของ New York Public Library

                                ประวัติหมีพูห์
 
 
  หมีพูห์หรือวินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928)
เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา
นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์
หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์

   ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศอังกฤษ  เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัย สงครามโลกครั้งที่ 1
 ( ค.ศ.1914-1918)หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอน  มาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น
หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh) 
 เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง

หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ 
และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์(1928)
   เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ 
วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา
นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh
          (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์


   หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ 
มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์
    ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศ
อังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัยสงครามโลก
  ครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918)หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919
 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น
 หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh)
 เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง

ต่อมาเอ.เอ.ไมลน์ จึงเริ่มเขียนเรื่องราวของวินนี่ เดอะ พูห์ และเพื่อนพ้องของมัน โดยหนังสือวาง
     จำหน่ายเมื่อปีค.ศ.1926 หรือ 74 ปีที่แล้ว 
     กระทั่งปี 1996 ที่ผ่านมา ยอดขายหนังสือสูงถึง 20 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 25 ภาษา
    ในขณะเดียวกันวอลต์ ดิสนีย์ ซื้อลิขสิทธิ์หมีพูห์และนำไปสร้างการ์ตูนบนแผ่นฟิล์มในปี 1996 พร้อมกับ
    ผลิตภัณฑ์มากมายก่ายกอง ทำให้หมีพูห์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมอันดับ 2 ของเด็กอเมริกันรองจากมิกกี้เม้าส์
    หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง!
      อืม… แต่จะทำอย่างไรหากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ
ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก)
ตัวนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่ าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที
การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ( และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย)
แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น ติดอยู่ในรูกระต่าย
แคบ ๆ และไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกมาได้ เป็นต้น แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ
เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบิน
หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม
ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ ( หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน
‘When We Were Very Young’ คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์
           ( ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาในปี 1921
ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s
Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street
ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางสตูดิโอที่นำวรรณกรรมเยาวชนอันแสนน่ารักของเอ. เอ. มิลล์
ถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม วินนี่ย์เดอะพูห์และผองเพื่อน , คริสโตเฟอร์ โรบิน, เจ้าลาอีออร์,
นกฮูก, แคงก้า และเบบี้รู รวมถึงกระต่ายและโกเฟอร์ ต้องเผชิญกับฝูงผึ้งและรังน้ำผึ้ง
อันแสนหอมหวาน มีการดัดแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตัว
นี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเพิ่มตัวละครใหม่ นั่นคือ โกเฟอร์
นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนพิเศษขนาดสั้นกำกับโดย วูลฟแกงค์ ไรเดอร์แมน
ทีมพากย์เสียงโดย สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ( พูห์) , บรูซ ไรเดอร์แมน (คริสโตเฟอร์ โรบิน),
    ราล์ฟ ไรต์ (อีออร์), โฮวาร์ด มอร์ริส (โกเฟอร์), บาบาร่า ลัดดี้ (แคงก้า), ฮัล สมิธ (นกฮูก),จูเนียส 
    แมธธิวส์ (กระต่าย) และคลินต์ โฮวาร์ด (รู) ความยาว 26 นาที เซบาสเตียน เคบอตต์
    ผู้ดำเนินเรื่อง และเพลงประกอบภาพยนตร์โดยริชาร์ด เอ็ม. และ โรเบิร์ต บี. เชอร์แมนสเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์
    ได้รับคำชมเชยอย่างมากจากการพากย์เสียงเป็นพูห์และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จ
    เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาคต่ออีก 3 ตอน รวมถึงการนำตอนต่อทั้งหมดออกฉายรวมกันด้วย

             แหล่งที่มา:https://www.blogger.com/blogger.g?       blogID=8918688687894059004#editor/target=post;postID=7149824053722723894







หมีพูห์ กับ พิกเล็ท มิตรภาพอันแสนอบอุ่น

หมีพูห์ กับ พิกเล็ท มิตรภาพอันแสนอบอุ่น

เย็นวันหนึ่งขณะที่หมีพูห์และพิกเล็ทล่องเรืออยู่ด้วยกันกลางลำน้ำ 

เสียงเพลงดังอยู่ที่หัวเรือผสมกับเสียงลมที่พิกเล็ทกำลังร้องอยู่ 

เป็นเสียงที่ไพเราะอย่างที่สุดสำหรับพูห์ในตอนนี้ 

พิกเล็ทอยู่ในอารมณ์ที่สนุกที่หัวเรือ 
จนเกือบลืมความลำบากของพูห์ที่นั่งพายเรืออยู่ข้างหลัง 
เมื่อมองไปเห็นสีหน้าของพูห์ที่ดูจะเหนื่อย พิกเล็ทเลยพูดออกไปว่า 
"ฉันช่วยไหมพูห์" แม้ว่าพูห์จะรู้ว่าตัวเองนั้นเหนื่อยเพียงไร 
แต่ด้วยความอยากเห็นเพื่อนมีความสุข เลยบอกกลับไปว่า 
"ไม่เป็นไรหรอกพิกเล็ท ร้องเพลงต่อเถอะ" 

พิกเล็ทกลับเดินมาที่กลางเรือ เปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือขึ้นมาเล่านิทานให้พูห์ฟัง 
เลือกที่จะเล่าแต่เรื่องที่คิดว่าพูห์ชอบ 
แม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่ค่อยถูกใจตัวเองสักเท่าไร แต่เพราะรู้ว่าพูห์เหนื่อย 
ถ้าได้ฟังเรื่องอะไรดีดี พูห์คงจะหายเหนื่อยไปได้บ้าง 

ดูเหมือนพูห์จะดีขึ้น 
แต่พิกเล็ทก็ยังอยากที่จะเปลี่ยนเป็นฝ่ายพายเพื่อให้พูห์ได้นั่งบ้าง 
พิกเล็ทเลยลองขอที่จะช่วยอีกครั้ง "ฉันช่วยนะพูห์" 
แต่พูห์ก็ยังคงบอกกลับมาเช่นเดิมว่า "ฉันไหวน่าพิกเล็ท" 

ทั้งสองล่องเรือมานานพอสมควร จนพิกเล็ทเผลอหลับไป 
ส่วนพูห์แม้ว่าจะเหนื่อยสักเท่าไร ก็ยังคงไม่ลุกไปไหน มือยังพายเรือ 
ตาก็มองไปที่เพื่อนตัวเล็กๆ เห็นกำลังนอนหลับอยู่อย่างมีความสุข 

เสียงนกบินกลับรัง ทำให้พิกเล็ทตื่นขึ้น แล้วรีบหันไปมองหาพูห์ 
แต่คราวนี้พิกเล็ทไม่ได้ขอที่จะช่วยพูห์พาย แต่กลับเดินไปจับมือพูห์ 
ดึงไม้พายในมืออีกข้างหนึ่งของพูห์วางลง จูงมือพูห์มานั่งที่กลางเรือ 
แล้วกอดพูห์ไว้แน่น คงไม่มีอะไรบอกถึงความซึ้งใจของพิกเล็ท 
ได้ดีไปกว่าน้ำตาที่ไหลซึมอยู่บนใบหน้า 

เรือยังคงไหลไปตามสายน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม พระอาทิตย์กำลัง
จะลาขอบฟ้า ทิ้งลำแสงสุดท้ายให้พูห์และพิกเล็ทได้ชื่นชม 

เรื่องนี้เราเห็นได้ว่า ความประทับใจในมิตรภาพของทั้งคู่นั้นสวยงามเพียงไร 
คงไม่ใช่เพราะว่าพิกเล็ทได้รับความสบายที่ได้มีเพื่อนตัวใหญ่อย่างพูห์ 
และพูห์ก็คงเช่นกัน 

สิ่งที่ทำให้คงไม่ใช่เพราะความสงสารเพื่อนตัวเล็กอย่างพิกเล็ท 
มิตรภาพอันแสนอบอุ่นนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายให้ 
หรือว่าใครจะเป็นฝ่ายรับ

credit :: K.House

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = 



เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่พิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ไปต้อยๆ รอยเท้าคู่เล็กๆ ย่ำไป
บนหิมะ เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง เป็นความอบอุ่นในหัวใจ
ที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง 

ทั้งคู่คงเดินมาด้วยกันนานพอสมควร และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย 
พิกเล็ทเลยต้อง "ขอเสียงด้วยการเรียก "พูห์"

เมื่อพูห์ขานรับและถามกลับว่า "มีอะไรหรือพิกเล็ท"
พิกเล็ทกลับเกาะมือพูห์ไว้ก่อนตอบว่า
"เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่านั้นเอง"

ภาพนี้ ถ้อยสนทนานี้ เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง สังเกตุไหมว่าพูห์เดินนำหน้า 
ควรจะเป็นพูห์หรือปล่าวที่เป็นฝ่ายขอเสียงพิกเล็ทว่ายังเดินตามตัวเอง
มาหรือไม่ นั่นหมายถึงว่า เป็นความกังวลในใจพิกเล็ทเอง ที่เกรงว่าพูห์
จะลืมเพื่อนตัวเล็กๆอย่างเขา 

ในชีวิตเรา ทุกคนคงเคยพบมิตรภาพแสนดี แต่มีกี่คนที่รักษามันเอาไว้ได้
คงมั่นไม่หวั่นไหว 
วันคืนแห่งชีวิตกลืนกินและฉุดดึงเรารุดไป หันกลับมามองข้างหลังอีกที
อาจจะเศร้าใจ หากพบว่าคนที่เราไว้ใจ ไม่มีใครเดินตามเรามาอีกแล้ว.......

ไม่อยากเดินข้างหน้า เพราะเกรงว่าฉันจะลืมเธอ ...... ไม่อยากเดินตามหลัง
เช่นกัน..กลัวตามไม่ทัน กลัวเธอทำฉันหล่นหาย 

อยากให้เราเดินเคียงกันไป อยากอุ่นใจมั่นใจ ว่าตลอดการเดินทางชีวิต
อันยาวไกล เรายังมีกันและกันไปตลอดทาง 

     แหล่งที่มา:http://board.palungjit.org